วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

เรามาช่วยดูแลโลกกันดีกว่า


เพื่อเป็นการพิทักษ์บรรยากาศชั้นโอโซนนานาประเทศ ได้ร่วมกันจัดทำอนุสัญญาการป้องกันชั้นบรรยากาศโอโซน ขึ้นในปี ค.ศ. 1985 (พ.ศ. 2528)เรียกว่า "อนุสัญญาเวียนนาและพิธีสารว่าด้วยการเลิกใช้สารทำลายชั้นโอโซน" ขึ้นในปี ค.ศ. 1987 (พ.ศ. 2530) เรียกว่า "พิธีสารมอลทรีออล"
สาระสำคัญของอนุสัญญาเวียนนานับว่าเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่มุ่งมั่นในการพิทักษ์ ชั้นโอโซน และเป็นเครื่องมือทางกฎหมายข้อแรกที่กลายเป็นรูปแบบของการแก้ปัญหา สิ่งแวดล้อมร่วมกัน ปัจจุบันมีประเทศที่ร่วมให้สัตยาบันแล้วรวม 131 ประเทศ นั่นหมายถึง ชุมชนโลกส่วนใหญ่ ได้พร้อมใจกันที่จะพิทักษ์ ชั้นโอโซนแล้ว พิธีสารมอลทรีออลเป็น ส่วนหนึ่งของอนุสัญญาเวียนนาฯ

ประเทศไทย ได้ร่วมลงนามในพิธีสารนี้ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2531 และให้สัตยาบัน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2532 มีผลบังคับใช้ต่อประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2532 ผลของพิธีสารในขั้นต้นสารเคมี ที่ถูกควบคุมคือ สาร CFC (Chlorofluorcarbon) รวม 5 ชนิดและสารฮาลอน (Halon) 3 ชนิด รวมสารควบคุมทั้งสิ้น 8 ชนิด ซึ่งสารเหล่านี้มีการใช้ในอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่นสารทำความเย็นในตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ใช้เป็นก๊าซสำหรับ เป่าโฟมและเป็นฉนวนในโฟม รวมทั้งใช้เป็นตัวทำละลายในการทำความ สะอาดล้างคราบไขมันสิ่งสกปรกในชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์หรือแม้แต่สารที่ อยู่ในกระป๋องสเปรย์ ส่วนสารฮาลอนใช้เป็นสารดับเพลิง ในอุปกรณ์ป้องกันและระงับอัคคีภัย ซึ่งการใช้สาร CFC ก็มีมากในการอุตสาหกรรม นั่นคืออุตสาหกรรมยิ่งพัฒนา ก็จะมีการทำลายโอโซนกันมากเท่านั้น เกราะป้องกันของโลกตัวนี้ชื่อว่า โอโซน (OZONE) โอโซนเกิดจากธรรมชาติ เกิดจากออกซิเจน 3 อะตอม มีหน้าที่ป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตและ รังสีคอสมิกผ่านมายังโลก เพื่อไม่ให้มวลมนุษย์และสัตว์บนโลกเกิดอันตรายในการดำรงชีวิต เพราะรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต สามารถทำลายเซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้ โดยปริมาณรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตที่กระทบผิวหนังมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังขึ้นได้ หรือ อาจมีผลในเรื่องอุณหภูมิของโลกที่เพิ่มขึ้นอย่าง รวดเร็วโอโซน" มีคุณสมบัติที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ทุกชนิด รวมทั้งคุณสมบัติในการ ชำระล้างสารพิษที่ตกค้างต่างๆ นอกจากนี้โอโซนยังสามารถแก้ไขปัญหาน้ำเสียได้ โดยการนำโอโซนผสมกับน้ำ ทำให้แบคทีเรียในน้ำถูกโอโซนทำลาย เหลือแต่น้ำบริสุทธิ์ มาทำน้ำดื่มหรือ ใช้อาบก็ดี จากสาเหตุดังกล่าวจึงทำให้ องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้วันที่ 16 กันยายน ของทุกปี เป็น “วันโอโซนโลก” เริ่มตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมาวัตถุประสงค์ 1. เพื่อกระตุ้น ให้ประเทศปฏิบัติต่ออนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก 2. เพื่อช่วยกันลดใช้สารซี เอฟ ซี และสารฮาลอนซึ่งเป็นตัวทำลายบรรยากาศโอโซนในชั้นในปัจจุบันเนื่องจากชั้นโอโซนเกิดช่องโหว่นั่นเอง

ถูกหรือผิดกับคำว่ารัก


เค้าว่าเรื่อง “ความรัก” ไม่มีคำว่าถูกและผิดคุณไม่ผิดที่ไปรักเค้าคนนั้นและเค้าเองก้อคงไม่ผิดที่ไม่ได้รักคุณในทางตรงข้ามคุณไม่ผิดที่ไม่ได้รักเค้าคนนั้นและเค้าก้อไม่ผิดที่มารักคุณเช่นกัน.........การห้ามใจไม่ให้รักนั้นยากนักแต่คงเทียบไม่ได้กับการห้ามใจให้ลืมรักเพราะย่อมยากกว่าคุณอาจทำได้เมื่อมีใครอีกคนก้าวเข้ามาในชีวิตคุณแต่มันคงไม่ง่ายถ้าคุณต้องหักใจให้ลืมในขณะที่คุณอยู่คนเดียว..........เค้าว่าการชนะใจตัวเองนั้นอาจดีและมีค่าที่สุดแต่ในเรื่องความรักการชนะใจคนที่เรารักนั้นอาจย่อมมีค่ากว่าแต่มันอาจมีค่ากว่านั้นถ้าคุณสามารถชนะใจตัวเองที่จะปฏิเสธกับความรักที่ย้อนมาหาคุณและมันอาจมีค่าที่สุดถ้าคุณยอมที่จะ “แพ้” ใจตัวเองเพื่อจะกลับไปหาความรักนั้น...........ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนแต่อย่าลืมว่าบนโลกไม่ได้มีแค่เค้าทั้งคู่อย่าโกรธเค้าที่ต้องปฏิเสธรักจากคุณด้วยเหตุผลว่าเราเข้ากันไม่ได้ด้วยเหุผลว่าสังคมเราต่างกันด้วยเหตุผลว่าเค้ายังรักคุณอยู่ด้วยเหตุผลว่าเค้ารักคนอื่นที่มีค่าพอกับคุณ............วิทยาศาสตร์อาจต้องการเหตุผลแต่เรื่องความรักย่อมไม่ต้องการเหตุผลใดใดคนดีอาจรักกับคนเลวจงอย่าโทษเค้าว่าเค้ารักคนผิดจงอย่าโทษเค้าว่าเค้ารักคนที่ไม่เอาไหนและจงอย่าโทษตัวเองว่าเรารักคนที่ไม่ดีเพราะสิ่งที่คุณทำนั้นถูกต้องแล้วจงเชื่อในสายตาของตัวเองจงเชื่อประตูหัวใจอันมีค่าที่เลือกจะเปิดรับเค้าคนนั้น............แม้ใครจะพูดว่าคู่ของเราเป็นคนไม่ดีแต่ในแง่ของความรักคุณทั้งสองเป็นคนดีของกันและกันอย่าโกรธเค้าที่บางครั้งเค้ายอมเป็นคนตาบอดอย่าโกรธเค้าที่บางครั้งเค้ายอมเป็นคนหูหนวกบางครั้งการไม่เห็นและไม่ได้ยินเพื่อรักษาและถนอมความรักเอาไว้ก็อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุด.............นิยามความรักแต่ละคนย่อมต่างกันไม่แปลกที่บางคู่อาจทะเลาะกันทั้งวันไม่แปลกที่บางคู่อาจหวานให้แก่กันได้ทั้งวันและไม่แปลกที่บางคู่ต่างเฉยชาต่อกันและก้อคงไม่แปลกเลยที่บางคู่อาจต่างกันราวฟ้ากับดินเพราะบางครั้งความรักคือ การเติมเต็มแต่บางครั้งความรักอาจคือ การเสียสละและการแบ่งปันบางคนความรักอาจเป็น การดูแลและปกป้องอย่าไปคิดว่าทำไมคู่เราถึงไม่เหมือนคู่ของใครเค้าอย่าไปคิดว่าคู่เราแปลกหรือเปล่าอย่าไปสนใจว่าเราควรเปลี่ยนแปลงอะไรมั๊ยถ้าจะเปลี่ยน ขอให้เพื่อรักมิใช่เพื่อเลิกรัก …..

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553


อินดี้
จริงๆ แล้ว คำว่าอินดี้มันเป็นระบบการทำงาน ที่ว่าไม่ยึดติดค่าย มีอิสระในการทำงานสูง ไม่ใช่แนวเพลงใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนคนสับสนคิดว่า Chill Out คือชื่อแนวเพลงซึ่งความจริงมันเป็นอารมณ์ต่างหากดังนั้นเพลงอินดี้ อาจเป็น Rap Rock Hip Hop Electronica Drum N' Bass Dub Heavy Metal ฯลฯ แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่อินดี้…เพราะเพลงอินดี้คือชื่อระบบการทำงานต่างหาก
เมื่อดูจากความเป็นมา ดนตรีอินดี้ ได้มีส่วนเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมดนตรีไปตลอดกาล และพร้อมที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าในทุกยุคทุกสมัย
เพลงอินดี้ คือ นักร้องหรือวงดนตรีที่ทำงานในการสร้างสรรค์ดนตรีและบทเพลงออกมาจากมันสมองอย่างหนัก เหนื่อย แต่ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ไม่เคยสนใจ วิทยุก็ไม่เคยเปิดเพลงให้ เพราะเป็นศิลปินหน้าใหม่ไม่มีชื่อเสียง และถ้าอยู่ภายใต้สังกัดค่ายเพลงอินดี้เป็นอิสระด้วยตัวเอง ยิ่งไม่มีทางเลย
เพราะมีเพียงบริษัทเพลงยักษ์ใหญ่เพียงไม่กี่แห่งที่มีอำนาจควบคุมตลาดเพลงอยู่ สาเหตุหนึ่งเพราะ พวกเขาได้ก่อร่างสร้างอุตสาหกรรมเพลง และธุรกิจในสายนี้ขึ้นมาตั้งแต่ยุคบุกเบิก จนทำให้เป็นองค์กรทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูงสุด
หากดูความหมายดั้งเดิม “เพลงอินดี้” หมายถึง งานเพลงของวงดนตรีที่ออกกับค่ายเพลงอิสระ แต่ปัจจุบันได้แปรผันเป็นแนวดนตรีที่ออกกับค่ายยักษ์ใหญ่ก็ได้ โดยตลาดจะเป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษาหรือผู้ใหญ่ที่ต้องการฟังสิ่งที่ดีและใหม่กว่าที่มีอยู่ในท้องตลาด ไม่ใช่กระแสหลัก และไม่เดินตามก้นคนอื่น ไม่ใส่ใจในบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในเวลาเดียวกัน อยู่เหนือทุกๆ สิ่ง
ที่จริงแล้ว ขอบข่ายของ “Independent” ที่ใช้กันบ่อยแบบหยาบๆ กว้างๆ มีหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นค่ายเพลงแยกย่อยของบริษัทเพลงยักษ์ใหญ่ ซึ่งก็ไม่ใช่เป็นอิสระไปทั้งหมด หรือเป็นค่ายเพลงเล็กๆ ในบริษัทเพลงยักษ์ใหญ่เช่นกัน

โรงแรมที่น่าสนใจ โรงแรมโอเรียนเต็ล
จากหลักฐานพบว่าโรงแรมตั้งขึ้น ประมาณปี พ.ศ. 2413 โดยนาย ซี. ซาลเจ กะลาสีเรือชาวเดนมาร์ก เป็นผู้ซื้อกิจการมาดำเนินการ ต่อมานายฮันส์ นีลส์ แอนเดอร์เซน เข้ามาบริหารงานต่อนายฮันส์ นีลส์ แอนเดอร์เซน และในปี 2428 ได้ปรับปรุงโรงแรมให้ทันสมัย มีการออกแบบอาคารขึ้นใหม่ เรียกว่า “ออเธอร์ส วิง” และได้เปิดโรงแรมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2430
โรงแรมโอเรียนเต็ลเปลี่ยนเจ้าของและปรับปรุงมาหลายครั้ง หลายยุคสมัย เคยต้นรับแขกผู้มีเกียรติ อาทิ มกุฏราชกุมารนิโคลัสแห่งรัสเซียในปี 2434 เจ้าชายลุยจี อาเมดิโอ เชื้อพระวงศ์อิตาลี ในปี 2438 และนักเขียนชื่อดังของอังกฤษ ในช่วง
สงครามโลกครั้งที่ 2 ยังเคยเป็นกองบัญชาการกองทัพญี่ปุ่น และมีพระบรมวงศานุวงศ์เคยเสด็จมาด้วย การต้อนรับพระประมุขครั้งสำคัญครั้งหนึ่งคือในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ใน พ.ศ. 2549 พระประมุขและผู้แทนพระองค์ส่วนใหญ่ประทับ ณ โรงแรมแห่งนี้
1 กันยายน พ.ศ. 2551 กลุ่มกิจการแมนดาริน โอเรียนเต็ล ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมที่มีชื่อเสียงกลุ่มหนึ่งของเอเชีย ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการของโรงแรม หลังจากนั้นก็ได้มีการเปลื่ยนชื่อบริษัทจาก บริษัท โรงแรมโอเรียนเต็ล ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) มาเป็น บริษัท OHTL จำกัด (มหาชน) และโรงแรมได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ " ทำให้มีการปรับภาพลักษณ์และกระบวนทัศน์ของการบริหารงานโรงแรม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในรอบ 132 ปี

หมู่เกาะพีพี
เป็นหมู่เกาะกลางทะเล อยู่ห่างจากอำเภอเมือง 42 กิโลเมตร เดิมชาวทะเลเรียกหมู่เกาะนี้ว่า “ปูเลาปิอาปิ” คำว่า “ปูเลา” แปลว่าเกาะ คำว่า “ปิอาปิ” แปลว่าต้นไม้ทะเลชนิดหนึ่งจำพวกแสม และโกงกาง ต่อมาเรียกว่า “ต้นปีปี” ซึ่งภายหลังกลายเสียงเป็น “พีพี” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรแห่งบุปผาใต้สมุทรนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวหมู่เกาะนี้ส่วนใหญ่มาเพื่อดำน้ำดูปะการังดอกไม้ทะเล และปลาหลากสีสันที่สวยงาม นอกจากนั้นยังมีเกาะต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างเส้นทางเดินเรือ กระบี่-ภูเก็ต-หมู่เกาะพีพี ประกอบด้วยเกาะ 6 เกาะ คือ เกาะพีพีเล เกาะพีพีดอน เกาะยูง เกาะไม้ไผ่ เกาะบิดะนอก และเกาะบิดะใน ซึ่งแต่ละเกาะมีหาดทรายสวย น้ำทะเลใส

เกาะล้าน
เริ่มกันที่ "หาดตาแหวน" อยู่ทางตอนเหนือของเกาะล้าน เป็นหาดทรายยาวประมาณ 750 เมตร มีความงามทางธรรมชาติมาก เพราะมีหาดทรายที่ขาวสะอาดและน้ำทะเลใสสีคราม ทั้งนี้ ปลายหาดทั้งสองด้านยังมีแนวปะการังในระดับน้ำตื้นที่มีสีสันสวยงาม นอกจากนี้ ยังมีร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกตั้งเรียงรายตลอดแนวชายหาด... ขอบอกว่าถูกใจขาช้อปเค้านักล่ะ ต่อกันที่ "หาดสังวาลย์" ที่อยู่ติดกับ "หาดตาแหวน" มีความยาว 150 เมตร มีความสงบ จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่ชอบนอนอาบแดด อย่างไรก็ตาม หาดสังวาลย์ จะสวยงามมากที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม – เมษายน หรือจะเลือกไปพักผ่อนที่ชายหาดขนาดเล็กเงียบสงบ เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนแบบเป็นส่วนตัวที่ "หาดทองหลาง" ซึ่งมีกิจกรรมหลัก คือ การดำน้ำดูปะการัง บริเวณปลายหาดที่เชื่อมต่อกับหาดตาแหวน ทั้ง 2 ด้านนี้ยังมีแนวปะการังน้ำตื้นที่สวยงาม และมีบริการเดินชมปะการังใต้น้ำแบบ Sea Walker ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาใช้บริการ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบปะการังแต่ไม่ชอบการดำน้ำ ที่หาดนี้ยังมีบริการเรือท้องกระจก ให้สามารถลงไปชมปะการังได้อย่างใกล้ชิด

ความรักที่ต้องรู้

ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง.. มีเพื่อนต่างเพศอยู่คู่หนึ่ง เป็นเพื่อนที่รักกันมาก ฝ่ายชายจะเดินไปส่งฝ่ายหญิงที่บ้านเสมอทุกวัน เวลาผ่านไป จนทั้ง สองอยู่ มหาวิทยาลัย ฝ่ายหญิงเริ่มไปแอบชอบ ผู้ชายคนนึง และได้ถามเพื่อนชายว่า "นี่ เธอ ว่า เค้าเหมาะกับเราไหม" "เค้าก้อ หล่อดีนะ นิสัยก็ดีด้วย " "เหรอ! อืม อยากให้เค้ามานั่งอยู่ข้างๆ เราจังเลยเนอะ" ต่อมาไม่นาน หญิงสาวก็ได้เป็นแฟน กับผู้ชายคนนั้นจริงๆ วันนึงหญิงสาวบอกกับ เพื่อนชายของตนว่า "นี่ เธอ ไม่ต้องมาส่งเราทุกวันแล้วแหละ ตอนนี้เค้าจะมาส่งเราแล้ว เราไม่อยากให้ เค้าเข้าใจ ผิดน่ะ" "อืม" ฝ่าย ชายตอบรับ และเขาก็ไม่ได้ไปส่งหญิงสาวอีก ต่อมาหญิงสาวเกิดทะเลาะกับแฟน ของตน จึงมาปรึกษาเพื่อนชาย ว่า "เธอ! เด๋ว นี้เขาไม่ค่อยสนใจเราเลยแหละ เธอว่า... เราจะทำอย่างไร ดีหล่ะ!" "ก้อ เธอ ยังรักเค้าอยู่หรือป่าวหล่ะ" ฝ่ายชายถาม "ก้อรักสิ และก้อรักมากด้วย" "ถ้าอย่างนั้น ก็มอบความรักให้เขาต่อไปสิ ก้อเธอรักเค้านี่หน่า" "อืม ม" หญิงสาวทำตามคำแนะนำของเพื่อนชาย หลังจากนั้น ... วันหนึ่ง ระหว่างที่เพื่อนชายหนุ่ม เดินกลับบ้าน เค้าเห็นหญิงสาว นั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง "เธอ เป็น อะไรหน่ะ ทำไมถึงร้องไห้ มีอะไรให้เราช่วยไหม" "เค้าไม่ รักเราเลยหล่ะ เขาเปลี่ยนไป เด๋วนี้เขาไม่เคยมาส่งเรา ที่บ้านเลย" "แล้วเราจะ ช่วยอะไรเธอได้บ้างหล่ะ" "ช่วยอยู่ กับเราซักพักได้ไหม?" หญิงสาวร้องขอ ก้อได้ซิ! ทำไมจะไม่ได้หล่ะ ทั้งสองได้นั่งอยู่ด้วยกัน โดยไม่พูดจาอะไรกันเลย ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ย ขึ้นมาว่า "เราควรจะ ทำอย่างไรดี เธอจะช่วยบอกเราได้ไหม ว่าเราควรจะทำอย่างไร ดี" "เธอยังรัก..เขาอยู่หรือป่าวหล่ะ" "รักสิ เรา รักเค้ามากเลย" "แต่เค้า ไม่รักเราเลยนี่หน่า" หญิงสาวร้องไห้โฮ "แต่เธอก็รัก..เขาไม่ใช่เหรอ" และชายหนุ่มก็ไปส่งหญิงสาว ที่บ้านอย่างที่เคยทำมาแต่ก่อน "ถ้า เมื่อไหร่...ก็ตาม ที่เธออยากให้เรามาส่งเธอที่บ้าน อย่าลืมเรียกเรา นะ" "อืม" และ หญิงสาวก็เดินขึ้นบ้านไป ต่อมาวันหนึ่งชายหนุ่มได้ รับโทรศัพท์จากหญิงสาว "เราไม่ไหวแล้ว ช่วยมารับเราที" เสียงของหญิงสาวดูช่าง อ่อนล้า และหมดกำลัง เธอกำลังร้องไห้อย่างฟูมฟายอยู่ ชายหนุ่มได้ไปหาเธอและพาเธอมาส่งบ้าน เธอยังคงถามชายหนุ่มนั้น เหมือนที่เคยถามมา ... "เราจะทำอย่างไรต่อไปดี" เราไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว..ดูยังไง ๆ เขาก็เหมือนไม่ได้รักเราเลย "แล้วเธอเลิก รักเค้าแล้วเหรอ" "ป่าว! เรา ยังรักเค้ามาก เรายังรักเขาอยู่เหมือนเดิม" "งั้นก็ เหมือนที่เราเคยพูดไว้ จงรักเขาต่อไป..แม้มันจะเจ็บบ้างก็ตาม เพราะมันไม่สำคัญหรอกว่า เขาจะรักเธอไหม..? แต่ถ้าเธอยังรักเขา เธอก็คงทำได้แค่เพียงรักเขา...และจงรักเขาให้มากกว่าเดิม เพื่อแสดงให้เขารู้ว่าเธอรักเขามาก และก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง มีแต่เพิ่มมากขึ้น" อือ ม..แล้วหญิงสาวก็เดินขึ้นบ้านไป และในที่สุดวันที่เธอเรียนจบก็มาถึง เพื่อนชายหนุ่มของเธอมาแสดงความยินดีกับเธอ เธอรู้สึกแปลกใจมาก ที่เพื่อนชายหนุ่มของเธอ ยังเรียนไม่จบ เธอถามเขาว่า ทำไม..? ชายหนุ่มตอบว่า เขาขี้ เกียจไปหน่อย ทำให้เขาต้องเรียนซ้ำวิชา หนึ่งจึงยังเรียนไม่จบ หญิง สาวแปลกใจ เพราะตลอดมา ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนขยัน แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ.. และต่อมาไม่นานแฟนของหญิงสาว ก็ได้มาขอเธอแต่งงาน เนื่องด้วยเห็นถึงความรัก ที่หญิงสาวมีให้ หญิงสาวจึงได้ไปชวนเพื่อนชาย เพื่อให้มางานแต่งของเธอ "เราไม่ว่างจริงๆ เราติดธุระน่ะ! ขอโทษด้วยนะ" เพื่อนชายตอบเธอด้วยน้ำ เสียงแผ่วเบา หญิงสาวโกรธและเสียใจที่ เพื่อนชายไม่ยอมมางานแต่ง จึงวางหูกระแทกไป แต่หญิงสาวก็ต้องประหลาดใจ เมื่อวันที่เธอแต่งงาน ชายหนุ่มได้มาปรากฎตัวก่อนที่งาน แต่งจะจบลง "ยินดีด้วย นะ เรามาแล้วหล่ะ" หญิงสาวดีใจมากที่เห็นเพื่อนชาย ของเธอมา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม เธอรู้สึกมีความสุขมาก ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมาไม่ได้ และเพื่อนชายก็พูดว่า เธอมีอะไรให้เราช่วยไหม..? ยิ่งทำให้เธอร้องไห้หนักกว่าเดิม.. ........................... ต่อมาหญิงสาวก็มีความสุข กับชีวิตแต่งงานของเธอ จนไม่มีเวลาได้ติดต่อกับเพื่อนชายอีกเลย จนวันหนึ่งหญิงสาวได้ ทะเลาะกับสามีของตน หญิงสาวไม่รู้จะไปปรึกษาใคร จึงนึกถึงเพื่อนชายขึ้นมา แม้ว่าหญิงสาวจะโทรไปหาเท่าไหร่? ก็ไม่สามารถติดต่อกับชายหนุ่มคนนั้นได้เลย เขาจึงโทรไปหาเพื่อนของชายหนุ่มคนนั้น เพื่อนของชายหนุ่มเล่า ว่า ชายหนุ่มเป็นโรคร้าย เขาไม่สามารถไปไหนได้ ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล... มาร่วมหลายเดือนแล้ว หญิงสาวตกใจมาก ถามว่า..เขาเป็นอะไร? เพื่อนชายหนุ่มบอกว่า อาการเขากำเริบ เพราะวันที่ชายหนุ่มต้องมาผ่าตัด ชายหนุ่มดัน ...หายตัว ไปเฉย ๆ โดยไม่มีใครรุ้ และเพื่อนของชายหนุ่ม ก็ยังบอกอีก ว่า ..."มันเป็นนิสัยเสียของมันหน่ะ มันชอบหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ ในช่วงเวลาสำคัญๆ คราวที่แล้วตอนสอบไล่ มันก็หายตัวไปจากห้องสอบเฉยเลย" ไม่รู้มันหายไปไหน..ถามใคร ก็ไม่มีใครรู้ หญิงสาวตกใจมาก เลยขอที่อยู่ของโรงพยาบาลที่ชายหนุ่มรักษาตัว หญิงสาวไปเยี่ยมชายหนุ่ม ที่โรงพยาบาล เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็ต้อง ตกใจ ! ชายหนุ่มที่เคยดูแข็งแรง กับผอมซูบ ไม่มี แรง เมื่อชายหนุ่มเห็นเธอก็ดีใจ ทักทาย เธอเป็นการใหญ่ "เป็นอย่าง ไรมั่ง ไม่เจอกันตั้งนานเลยน่ะ" หญิงสาวนิ่งเงียบซักพัก น้ำตาหญิงสาวก็ไหลออกมา "อ้าวร้อง ไห้ทำไมหล่ะ เธอหน่ะ ไปทะเลาะกับแฟนมาอีกแล้วเหรอ จะให้เราช่วยอะไรไหม...? แต่เราก็คงจะแนะนำเธอ ได้เหมือนเดิมนะ" หญิงสาวเข้าไปหาชายหนุ่ม แล้วก็บอกกับชายหนุ่มว่า วันที่เธอ มารับเราเป็นวันสอบไล่เธอใช่ไหม..?" ชายหนุ่มทำหน้าตกใจและไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น กลับนิ่งเงียบไป หญิงสาวจึงพูด ต่อ... "และวันที่ เธอต้องผ่าตัดใหญ่ เธอกลับมางานแต่งงานของเราใช่ไหม..?" ชายหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไร อีกแล้ว กลับนิ่งเงียบกว่าเดิม หญิงสาวเข้าไปกอดชายหนุ่ม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ "ตลอดเวลา เรารักแต่คนอื่น มองแต่คนอื่นเรากลับไม่รู้เลยว่าเธอรักเรามากแค่ ไหน เรารู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ ไม่ได้รักเธอมากกว่านี้" ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแล้วก็บอก กับหญิงสาวด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า "เราบอกเธอ แล้วไง..ถ้าเรารักใครสักคน เราก็ต้องรักเขาให้มากๆ และมากขึ้นกว่าเดิม มันไม่สำคัญหรอก..ว่าเขาจะรักเราหรือไม่ มันสำคัญแค่เพียงว่า..เรายังรักเธออยู่หรือเปล่า แค่เราสามารถช่วยเธอได้ นั่นมันก็เป็นความสุขของเราแล้ว ต่อให้เราจะเจ็บสักแค่ไหน..เราก็ยังรักเธอต่อไป และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลง.. หญิงสาวรู้สึกเสียใจมาก นั่งร้องไห้โฮ...อยู่ที่ตักของชายหนุ่ม ชายหนุ่มจึงพูด... ขึ้น ว่า "ถ้าเราหาย เมื่อไหร่... เราจะไปส่งเธอที่บ้านอีกนะ"
** ยังมีผู้ชายที่เป็นแบบนี้อยู่ในโลกอีกมั้ยเน้อ **



ฟาบิโอ คาเปลโล่ ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ แสดงความมั่นใจว่า เวย์น รูนี่ย์ ดาวยิงร่างตัน จะกลับฟิตทันเกมฉะ เยอรมัน ในศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบ 16 ทีมสุดท้าย วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายนนี้ อย่างแน่นอน หลังจากมีอาการข้อเท้าเดี้ยง จนถูกเปลี่ยนตัวออก ในนัดชนะ สโลวีเนีย 1-0 วันพุธที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา รูนี่ย์ โดนถอดออกมาพักในนาทีที่ 72 โดย คาเปลโล่ กล่าวว่า "ผมเปลี่ยนเอา เวย์น ออก เพราะเขาเจ็บข้อเท้า ผมไม่รู้ว่าอาการมันหนักแค่ไหน ผมต้องรอให้หมอตรวจก่อน แต่ผมคิดว่าเขาน่าจะฟิตพร้อมลงสนามในเกมถัดไป" คาเปลโล่ ให้สัมภาษณ์โดยยังไม่รู้ว่าจะพบกับ เยอรมัน เพราะแข่งช้ากว่า โดยเขากล่าวว่า "ทีมอันดับ 1 หรือ 2 คงจะเป็น เยอรมัน แต่คุณต้องก้าวไปข้างหน้า ชื่อชั้นไม่สำคัญหรอก จะ เยอรมัน หรือ เซอร์เบีย ก็ไม่ต่างกันหากเราอยากเข้ารอบ" เทรนเนอร์มาดขรึมเสริมว่า"ผมมั่นใจว่าเราจะเล่นด้วยความมุ่งมั่นมากขึ้น เราค้นพบสปิริต, การเล่นที่มีคุณภาพ และเราก็ฟิตขึ้นเยอะ เราออกแรงเยอะเลย ผมคุยกับนักเตะตอนเรานั่งดูเทปเกมครึ่งแรกกับ แอลจีเรีย เราเข้าใจว่าเราทำเกมบุกไม่ดี เราพัฒนาขึ้นในแง่สภาพร่างกาย พวกนักเตะกลับไปเป็นแบบเดิมที่เราเห็นในพรีเมียร์ลีก" คาเปลโล่ กล่าว พร้อมกันนี้ คาเปลโล่ ยังแสดงให้เห็นถึงบุคลิกด้านโอนอ่อน เมื่อเขาอนุญาติให้นักเตะดื่มเบียร์ในคืนวันอังคาร แม้วันรุ่งขึ้นจะต้องเล่นกับ สโลวีเนีย "พวกเขาดื่มเบียร์กันเมื่อคืนวานนี้ และผมเห็นทีมเล่นด้วยสปิริตที่ขาดหายไปในเกมก่อนนี้"